การประกาศกฎอัยการศึกของเกาหลีใต้ ยุน ซอกยอล อ้างปกป้องรัฐจากภัยคุกคาม
วันที่ 3 ธันวาคม 2024 กลายเป็นเหตุการณ์สำคัญในหน้าประวัติศาสตร์เกาหลีใต้ เมื่อ ยุน ซอกยอล ประธานาธิบดีเกาหลีใต้ ประกาศใช้ กฎอัยการศึก ครั้งแรกในรอบ 44 ปี โดยอ้างว่าเป็นการตอบโต้ “กองกำลังต่อต้านรัฐที่สนับสนุนเกาหลีเหนือ” ซึ่งเขากล่าวว่าเป็นภัยคุกคามต่อเสรีภาพและความมั่นคงของประเทศ
สาเหตุและการตอบสนอง
ในคำประกาศผ่านโทรทัศน์ช่วงกลางดึก ประธานาธิบดียุนให้เหตุผลว่า การกระทำดังกล่าวมีเป้าหมายเพื่อปกป้องรัฐธรรมนูญเสรีนิยมและขจัดภัยคุกคามจากกลุ่มที่เขาระบุว่า “สนับสนุนเกาหลีเหนือ” นอกจากนี้ เขายังกล่าวถึงพรรคฝ่ายค้านว่าเป็นอุปสรรคสำคัญในการดำเนินงานของรัฐบาล โดยเฉพาะในกรณีที่ฝ่ายค้านครองเสียงข้างมากในรัฐสภาและมักลงมติไม่สนับสนุนวาระของรัฐบาล
อย่างไรก็ตาม ประธานาธิบดีไม่ได้เปิดเผยว่า “กองกำลังต่อต้านรัฐ” เหล่านี้คือใคร หรือมีความเกี่ยวข้องกับเกาหลีเหนืออย่างไร ทำให้คำประกาศนี้ถูกวิจารณ์ว่าเป็นการโจมตีฝ่ายตรงข้ามทางการเมืองมากกว่าการตอบโต้ภัยคุกคามจากภายนอก
ผลกระทบทางการเมืองและเศรษฐกิจ
การประกาศดังกล่าวส่งผลกระทบทางการเมืองทันที โดยรัฐสภาเกาหลีใต้จัดประชุมฉุกเฉินในช่วงเช้ามืด และสมาชิกเสียงข้างมาก 190 คน ลงมติเรียกร้องให้ยกเลิกกฎอัยการศึก อ้างว่าการตัดสินใจดังกล่าวขัดต่อหลักการประชาธิปไตย
ในด้านเศรษฐกิจ ค่าเงินวอนของเกาหลีใต้ร่วงลงอย่างรวดเร็วเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐ ส่งผลให้ธนาคารกลางของเกาหลีใต้ต้องเตรียมมาตรการเพื่อรักษาเสถียรภาพของตลาด
กฎอัยการศึกและผลกระทบต่อประชาชน
ตามรายงานของสำนักข่าวยอนฮัป (Yonhap) การประกาศกฎอัยการศึกครั้งนี้ทำให้กิจกรรมของรัฐสภาและพรรคการเมืองถูกระงับ ขณะเดียวกัน สื่อและการเผยแพร่ข่าวสารทั้งหมดจะอยู่ภายใต้การควบคุมของหน่วยบัญชาการกฎอัยการศึก
การเคลื่อนไหวนี้กระตุ้นให้ประชาชนหลายพันคนออกมาชุมนุมประท้วงบริเวณรัฐสภา โดยมองว่าการประกาศดังกล่าวเป็นการถอยหลังเข้าสู่ยุคเผด็จการ แม้เกาหลีใต้จะผ่านพ้นยุคการปกครองโดยเผด็จการมาหลายทศวรรษแล้วก็ตาม
บทสรุป
การประกาศกฎอัยการศึกของเกาหลีใต้ของยุน ซอกยอล เป็นเหตุการณ์ที่ไม่เพียงแต่จะส่งผลต่อประชาธิปไตยของเกาหลีใต้ แต่ยังสร้างความไม่แน่นอนทั้งในแง่เศรษฐกิจและความมั่นคงในภูมิภาค ความท้าทายนี้ไม่ได้มาจากภัยคุกคามภายนอกอย่างเกาหลีเหนือ แต่กลับเป็นผลจากความขัดแย้งภายในระหว่างรัฐบาลและฝ่ายค้าน