โนโรไวรัส

เตือน “โนโรไวรัส” ระบาด หลังพบปนเปื้อนน้ำในงานกีฬาสีโรงเรียน ป่วยรวม 1,436 ราย

เมื่อเร็ว ๆ นี้ กรมอนามัยได้ออกมาเตือนประชาชนเกี่ยวกับโรค “โนโรไวรัส” หลังพบการระบาดใน 2 โรงเรียน อำเภอแกลง จังหวัดระยอง ส่งผลให้นักเรียนและบุคลากรป่วยรวม 1,436 ราย โดยผู้ป่วยส่วนใหญ่เป็นเด็กนักเรียน 1,418 ราย และบุคลากรโรงเรียนอีก 18 ราย สาเหตุหลักมาจากการปนเปื้อนของน้ำและน้ำแข็งที่บริโภคในงานกีฬาสี ซึ่งเหตุการณ์นี้ชี้ให้เห็นถึงอันตรายของโนโรไวรัสที่สามารถแพร่กระจายได้อย่างรวดเร็วในสภาพแวดล้อมที่ไม่ถูกสุขลักษณะ

โนโรไวรัสคืออะไร?

โนโรไวรัส (Norovirus) เป็นเชื้อไวรัสที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงเฉียบพลัน โดยเฉพาะในเด็กที่มีภูมิต้านทานต่ำกว่าผู้ใหญ่ มักพบการระบาดในฤดูหนาว และสามารถแพร่เชื้อได้ง่ายในสถานที่ที่คนอยู่รวมกัน เช่น โรงเรียน โรงพยาบาล สถานเลี้ยงเด็ก หรือสถานที่จัดเลี้ยง
เชื้อนี้สามารถติดต่อได้จากการสัมผัสอาหารหรือน้ำดื่มที่ปนเปื้อน รวมถึงการสัมผัสสิ่งของหรือผู้ติดเชื้อโดยตรง ระยะฟักตัวของไวรัสอยู่ที่ 12-48 ชั่วโมง และอาการจะปรากฏอย่างรวดเร็วหลังรับเชื้อ

อาการของผู้ติดเชื้อโนโรไวรัส

  • คลื่นไส้ อาเจียนรุนแรง
  • ปวดมวนท้อง
  • ท้องเสีย
  • มีไข้ต่ำ
  • อ่อนเพลีย ปวดศีรษะ และปวดเมื่อยตามร่างกาย
สำหรับเด็กเล็กและผู้สูงอายุ การติดเชื้อโนโรไวรัสอาจทำให้เกิดภาวะขาดน้ำ ซึ่งจำเป็นต้องดื่มน้ำเกลือแร่เพื่อทดแทนของเหลวที่สูญเสียไป

แนวทางป้องกันโนโรไวรัสสำหรับประชาชน

การป้องกันโนโรไวรัสสามารถทำได้ง่าย ๆ ด้วยการปฏิบัติตามสุขอนามัยที่ดี ดังนี้:
  • รับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่และใช้ช้อนกลาง – หลีกเลี่ยงอาหารดิบหรืออาหารที่มีความเสี่ยงปนเปื้อน
  • ล้างผักและผลไม้ให้สะอาด – โดยเฉพาะผลไม้ที่รับประทานทั้งเปลือก ควรล้างด้วยน้ำสะอาดและน้ำยาล้างผัก
  • ล้างมือด้วยน้ำสะอาดและสบู่ – ควรล้างมือก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ หรือหลังทำกิจกรรมที่อาจสัมผัสสิ่งสกปรก
  • หลีกเลี่ยงน้ำดื่มและน้ำแข็งที่ไม่สะอาด – ดื่มน้ำที่ผ่านการกรองหรือต้มสุกเสมอ

มาตรการควบคุมสำหรับหน่วยงานและสถานประกอบกิจการ

  • เติมคลอรีนในถังพักน้ำเพื่อฆ่าเชื้อโรค
  • ตรวจสอบคุณภาพน้ำดื่มและน้ำใช้อย่างสม่ำเสมอ
  • จัดจุดล้างมือพร้อมสบู่หรือเจลแอลกอฮอล์ให้เพียงพอ
  • ให้ความรู้เกี่ยวกับการดูแลสุขภาพและส่งเสริมสุขอนามัยส่วนบุคคล
องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ควรตรวจสอบสุขอนามัยของสถานประกอบการต่าง ๆ และออกคำแนะนำตามพระราชบัญญัติการสาธารณสุข พ.ศ. 2535 เพื่อควบคุมป้องกันการระบาดของเชื้อโรคในชุมชน

โนโรไวรัส: โรคไม่ใหม่ แต่ต้องเฝ้าระวังเสมอ

แม้โนโรไวรัสจะไม่ใช่โรคใหม่ แต่ด้วยความที่สามารถแพร่ระบาดได้ง่ายและรวดเร็ว จึงเป็นสิ่งที่ประชาชนไม่ควรมองข้าม รศ.ดร.เจษฎา เด่นดวงบริพันธ์ ได้เน้นย้ำว่า การระบาดของโนโรไวรัสเกิดขึ้นทุกปี โดยเฉพาะในช่วงฤดูหนาวที่เด็ก ๆ รวมตัวกันในโรงเรียนหรือสถานที่ศึกษา ดังนั้น การเตรียมพร้อมและดูแลสุขภาพของตนเองและครอบครัวจึงเป็นเรื่องสำคัญ

ข้อสรุป

การป้องกันโรคโนโรไวรัสเริ่มต้นจากสุขอนามัยที่ดีของทุกคน ทั้งการล้างมือ การเลือกบริโภคอาหารและน้ำที่สะอาด รวมถึงการเฝ้าระวังและตรวจสอบสิ่งแวดล้อมอย่างต่อเนื่อง ทั้งภาครัฐและเอกชนควรทำงานร่วมกันเพื่อป้องกันการระบาดของโรคนี้ และสร้างความมั่นใจให้กับประชาชนในการดำเนินชีวิตประจำวัน
ข้อแนะนำ: หากพบอาการผิดปกติหรือสงสัยว่าติดเชื้อโนโรไวรัส ควรรีบพบแพทย์ทันทีเพื่อการรักษาที่เหมาะสมและป้องกันการแพร่เชื้อสู่ผู้อื่น